top of page

Musical Symbols in Holbein's Work

นี่เป็นภาคต่อจากบทความที่แล้วค่ะ เนื่องจากรู้สึกยังเขียนไม่จุใจกับข้อมูลที่หามา

ไหนๆ ก็เป็นนักศึกษาเอกดนตรีแล้ว จะนำเสนอผลงานสาขาอื่นทั้งทีก็ขอเชื่อมโยงมาหน่อย วันนี้ก็เลยอยากนำเสนอสิ่งที่ Holbein ใช้เป็นสัญลักษณ์ที่ซ่อนความหมายและเรื่องราวผ่านวัตถุทางดนตรี

ในภาพวาด The Ambassadors มีสิ่งของที่เกี่ยวกับดนตรีอยู่ที่ชั้นวางของชั้นล่าง

คือ ลูทกับกล่องใส่ฟลูตข้างๆ และหนังสือเพลงสวดของศาสนาคริสต์นิกายลูเธอร์แรน

The Lute with the Broken String

เราจะเห็นเครื่องดนตรีหน้าตาคล้ายกีตาร์กลมๆ (มันเรียกว่า lute เปรียบได้กับกีตาร์ในสมัยนั้น) ถ้าสังเกตให้ดี จะพบว่ามีสายเส้นหนึ่งที่ขาดออกมาก โฮลไบน์ใช้เป็นสัญลักษณ์แทนถึงความบาทหมาง ความแตกแยก ไม่สามัคคีลงรอยกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในศาสนาคริสต์ ณ เวลานั้น เนื่องจากลูทเป็นเครื่องดนตรีที่เล่นพร้อมกันได้ทีละหลายเสียง จึงเป็นเครื่องที่ให้เสียงประสาน ในทางดนตรีเราเรียกว่า Harmony ซึ่งแปลได้อีกความหมายได้ว่า ความสามัคคี ปรองดอง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เมื่อเครื่องดนตรีมีเพียงสายเส้นหนึ่งที่ขาดออกมา ก็ย่อมทำให้เสียงประสานทั้งหมดนั้นผิดเพี้ยนไปซึ่งส่งผลต่อดนตรีทั้งหมด ในอีกทางหนึ่งก็เป็นการเปรียบเทียบหมายถึงสังคมมนุษย์นั่นเอง

The Lutheran Hymnal

หนังสือเพลงสวดในภาพวาดนี้เปิดให้เห็นอยู่ 2 หน้า โดยไม่ได้เรียงลำดับตามบทสวดจริงของ Martin Luther (ผู้ปฏิวัติศาสนาคริสต์ออกมาเป็นนิกายลูเธอร์แรน)

หน้าที่เปิดอยู่ด้านซ้าย แสดงให้เห็นเพลงสวด “Kom Heiliger Geyst Herre Gott” เป็นภาษาเยอรมันทึ่มาร์ติน ลูเธอร์

แปลมาจากบท “Veni sancte Spiritus” ในคัมภีร์ไบเบิล แปลว่า Come Holy Ghost

ส่วนหน้าขวาเป็นบท “Mensch wiltu leben seliglich und bei Gott bliben ewiglich…” ซึ่งเป็นบทนำที่แปลจากคำสอน พระบัญญัติ 10 ประการ

การที่มาร์ติน ลูเธอร์ ได้แปลบทสวดทั้งหมดมาเป็นภาษาเยอรมันนั้น เพื่อจุดมุ่งหมายให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงคำสอนของศาสนาได้ (แน่นอนว่าเขาเป็นนักบวชชาวเยอรมัน) เนื่องจากเดิมภาษาที่อยู่ในคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาละตินทั้งหมด ซึ่งเป็นภาษาที่ตายไปแล้วไม่มีผู้ใช้และไม่มีใครเข้าใจ ยกเว้นนักบวชที่ศึกษาพระธรรมคำสอน (อารมณ์เดียวกับที่ศาสนาพุทธใช้บทสวดมนต์เป็นภาษาบาลี) แต่ในขณะเดียวกันก็ถือเป็นภาษาศักดิ์สิทธิ์ จับต้องไม่ได้ เนื่องจากเป็นภาษาดั้งเดิมในพระคัมภีร์ ห้ามแปลเด็ดขาดเพราะถือเป็นความผิด ดังนั้นนี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้มาร์ติน ลูเธอร์ได้ปฏิวัติศาสนาออกมาจากนิกายเดิม (ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค)

.

.

.

ตามความรู้สึกส่วนตัวเมื่อได้ศึกษาอย่างละเอียดแล้ว รู้สึกประหลาดใจและประทับใจมากว่าทำไมถึงคิดได้ลึกซึ้งขนาดนี้

จากภาพวาดที่มองแว้บแรกก็คิดว่าเป็นภาพวาดปกติ ไม่มีอะไร พอมองผ่านๆครบก็ถือว่าจบ จะเปลี่ยนไปดูงานชิ้นถัดไปอยู่แล้ว หากไม่มาอยู่ในชั้นเรียนและได้รับคำอธิบายเพิ่มเติมจากอาจารย์ ก็คงคิดว่าเป็นภาพวาดธรรมดาทั่วไป ไม่ได้สนใจอะไรมาก นี่มันช่างเข้ากับสำนวน "Take it for granted" เสียจริงเลยเรา (เกือบไปแล้ว...)


bottom of page