o o o o o
คำประกาศของคณะกรรมการตัดสินรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์)
ของประเทศไทย ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๕๘
o o o o o
คณะกรรมการตัดสินรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๕๘ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ (นวนิยายเรื่อง ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต ของ วีรพร นิติประภา)
ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ของประเทศไทย ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๕๘
‘ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต’ ของ วีรพร นิติประภา สะท้อนภาพความล้มเหลวของการบริหารจัดการชีวิตในสังคม เสพติดศิลป์ของคนหนุ่มสาวยุคใหม่ แสดงให้เห็นผลกระทบของการเผชิญหน้าระหว่างมายาคติกับอุดมคติของสถาบันครอบครัวไทย ในขณะเดียวกันก็รุ่มรวยไปด้วยการหยั่งถึงความงามอันบรรเจิดของศิลปะหลากแขนง รวมทั้งความงดงามของธรรมชาติ
ผู้เขียนนำเสนอเรื่องนี้ผ่านสุนทรีย์ภาพทางภาษา แสดงภาพตรึงตาตรึงใจโดดเด่น มีภาวะกระทบอารมณ์สูงยิ่ง สามารถสรรค์สร้างคำและประโยคที่เป็นอัตลักษณ์ได้ดี
นวนิยายเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ด้านกลับ สำหรับคนรุ่นใหม่เพื่อการหลุดพ้นจากความบอดใบ้ทางปัญญาและไร้ศรัทธายึดเหนี่ยวในวิถีชีวิต ‘ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต’ ของ วีรพร นิติประภา
จึงสมควรได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ของประเทศไทย ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๕๘
----------------------------------------------
ณ ยามบ่ายคล้อยๆ ในวันเสาร์ของวันฮาโลวีน เข็มหน้าปัดนาฬิกาทำมุมเฉียงขึ้นไปด้านบนขวา ข้าพเจ้ากำลังเดินอยู่ในงานงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 20 อย่างเนิบนาบไร้จุดหมายผ่านโซน Main Foyer ของ ด้วยเป้าหมายของการมางานในวันนี้ได้สำเร็จลุล่วงไปแล้ว (ตังค์หมด..) จึงต้องการเพียงแค่เดินชมงานอย่างเตร็ดเตร่ฆ่าเวลาไปเรื่อย
ทันใดนั้น ฉันเองก็ได้บังเอิญเหลือบไปเห็นคนกลุ่มหนึ่งทางด้านซ้ายมือกำลังถือป้ายประชาสัมพันธ์กิจกรรมอะไรบางอย่าง เพ่งพินิจมองเข้าไปก็พบว่ามันเป็นงานเสวนาเกี่ยวกับหนังสือ "ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต" โดย วีรพร นิติประภา นักเขียนหน้าใหม่ที่ชนะรางวัล S.E.A.Write ประจำปีนี้ (พ.ศ.2558) มีคนแต่งตัวเป็นหนังสือเล่มนี้ด้วยจึงเลยเกิดความรู้สึกสะดุดสนใจขึ้น แล้วก็นึกขึ้นได้ว่านี่ก็เป็นหนังสือที่อาจารย์สกุล บุญทัต เคยกล่าวถึงในชั้นเรียนมนุษย์กับการสร้างสรรค์สาขาวรรณกรรม (อาจารย์แกเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินรางวัลซีไรต์ด้วย) ฉันจึงเดินเข้าไปสอบถามถึงกิจกรรมนี้ก่อนจะได้ความว่างานเสวนานี้กำลังดำเนินอยู่ที่ห้อง Meeting Room4 พอดี จึงไม่รอช้าที่จะเดินไปลงทะเบียนและเข้าไปร่วมฟังในกิจกรรมดังกล่าว
งานเสวนาในครั้งนี้ใช้ชื่อ "เขาวงกตในไส้เดือนตาบอด" เป็นการจับคำมาสลับให้ล้อกับชื่อของหนังสือ จัดโดยสำนักพิมพ์มติชน ดำเนินงานโดยคุณจอห์น วิญญู และพ่อหมอ SpokeDark.TV เป็นพิธีกร ในห้องประชุมมีเวทีสนทนาที่ด้านหน้า พร้อมทั้งมีการจัดนิทรรศการภาพวาดสีน้ำมันวางแสดงอยู่ด้านข้างของเวทีทั้งสองฝั่ง ซึ่งวาดโดย คุณตะวัน วัตุยา ศิลปินไทยชื่อดังผู้ที่วาดภาพปกใหม่ให้กับหนังสือเล่มนี้ในการพิมพ์ครั้งที่ 3 จึงเป็นหัวข้อที่ข้าพเจ้าจะนำเสนอในบทความนี้
"ข้าพเจ้าคิดว่านี่คือการผสมผสานระหว่างศิลปะสาขาวรรณกรรม และจิตรกรรมให้มาอยู่ร่วมกันได้เป็นอย่างดี"
แนวคิดที่มาของภาพวาดดอกไม้บนปกนี้ เริ่มมาจากการที่คุณตะวันได้ลองอ่านงานของพี่แหม่มแล้วเกิดความประทับใจ จึงขออาสาเป็นคนวาดภาพหน้าปกของหนังสือให้หากจะจัดพิมพ์ครั้งใหม่ แล้วพี่แหม่มก็ตกลงและรีเควสขอภาพดอกไม้ ในการทำงานนั้นศิลปินทั้งสองท่านได้พยายามหาจุดลงตัวในการทำงาน โดยผู้วาดหรือคุณตะวันได้บอกว่า เขาต้องการวาดออกมาให้พี่แหม่มชอบที่สุดเพราะหนังสือเล่มนี้เป็นผลงานของเธอ แล้วอันที่จริงตัวคุณตะวันเองก็ไม่เคยวาดภาพดอกไม้มาก่อน แต่เนื่องด้วยมันเป็นการทำงานร่วมกันเขาจึงต้องวางอัตลักษณ์ความเป็นศิลปินของตัวเองลง และตีโจทย์ของหนังสือให้แตก โดยก่อนจะวาดนั้นคุณตะวันเองก็ต้องอ่านหนังสือให้จบ (ซึ่งกว่าคุณตะวันจะอ่านจบนี่ก็ล่อเข้าไปหลายทวีปเลยทีเดียว ด้วยการงานที่ต้องเดินทางในอาชีพศิลปินของเขา) และทำความเข้าใจกับเนื้อเรื่อง ตัวละคร รวมไปจนถึงนัยยะและสาระสำคัญของหนังสือก่อน จึงจะตีความและวาดภาพดอกไม้ออกมาโดยให้มีใบหน้าของตัวละครในเรื่องซ่อนอยู่ ซึ่งเขาก็ไม่ได้แสดงออกหรือบอกออกมาชัดเจนว่าตัวละครที่เขาวาดนั้นเป็นใคร และอยู่ตรงส่วนไหนของภาพ เพื่อที่จะเปิดกว้างให้ผู้ชมงานของเขาได้ใช้จินตนาการได้อย่างเต็มที่กับงานศิลปะสร้างสรรค์ชิ้นนี้
นอกจากจะได้รับฟังการเสวนาอันสนุกสนานเป็นกันเอง ได้รับการสปอยล์เรื่อง และแง่คิดดีๆ แล้ว ผู้เข้าร่วมงานยังได้รับโปสการ์ดภาพวาดของคุณตะวันในคอลเล็กชั่นปกหนังสือนี้เป็นของที่ระลึกอีกด้วย นับว่าคุ้มค่าสุดๆ สำหรับการบังเอิญเดินผ่านมาเจองานอะไรดีๆ เช่นนี้ ได้เปิดโอกาส เปิดโลกทัศน์ของตัวเองรับความคิดใหม่ๆ กับสถานการณ์ร่วมสมัยได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญคือ ได้ตระหนักถึงสถานการณ์ความเป็นไปในสังคมของเราอย่างเป็น "ไส้เดือนตาสว่างที่ออกจากเขาวงกตแล้ว."
--------------------------------------------------------------------------------
"นวนิยายที่เต็มไปด้วยศัทพ์แสงสัญลักษณ์ในทุกฉากตอน ฉาบซ่อนในเรื่องรักสามเส้าแสนธรรมดา ปรุงรสด้วยเสน่ห์รายละเอียดของความร่วมสมัยผ่านบุคลิก รสนิยม และการดำเนินชีวิตของตัวละครเรื่องนี้ ถ้าจะอ่านเอารส ก็เพลินใจไปกับลีลาการใช้ภาษาที่ลื่นไหลด้วยวรรณศิลป์งดงาม ฉายให้เห็นชะตาชีวิตของผู้คนอย่างเราๆ ท่านๆ ที่มีชีวิตอยู่กับความรัก ผิดหวัง กำพร้า แสวงหา ความจำเสื่อม บ้าอยู่กับการหลอกตัวเองและคนอื่น เพื่อรอให้จุดจบมาถึงในวันหนึ่ง
ส่วนถ้าจะอ่านเอาเรื่อง ก็สามารถทำให้ขบคิด พินิจพิเคราะห์ และคาดเดาไปต่างๆ ได้อย่างฉงนฉงาย ว่าทำไมหนอเด็กกำพร้าเหล่านี้จึงมีชีวิตที่แหว่งวิ่นเสียเหลือเกิน อะไรที่ปะติดปะต่อชะตากรรมของทุกตัวละครเข้าด้วยกัน อะไรที่ทำให้พวกเขาพลัดหลงไปทั้งภายในและภายนอกจิตใจ
และถ้าอ่านแบบไม่คิดอะไรเลย ขอบอกว่าอย่างน้อยหนังสือเล่มนี้ก็จะทำให้รักดนตรี จนอดที่จะเสิร์ชหาในยูทูปมาเปิดคลอไม่ได้ เมื่อถึงฉากที่เล่าถึงอาหาร ก็อดที่จะคั่นหน้านั้นไว้ แล้วออกไปหาชิมตามให้ได้ เมื่อบรรยายถึงแมกไม้ ก็อยากจะมีสวนที่เป็นดงดอกไม้อย่างนั้นบ้าง ส่วนเมื่อกล่าวถึงการเดินทาง ก็อดที่จะตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้ว่า เรากำลังทำอะไรอยู่
และความรู้สึกเมื่อปิดหน้าสุดท้ายลง ก็คือเราจะรักชีวิตมากขึ้น...เท่านี้ไม่เพียงพอหรือสำหรับการเป็นนวนิยายดีๆ เล่มหนึ่ง"
-- สำนักพิมพ์มติชน.
--------------------------------------------------------------------
See also...